แม้พิธีไล่น้ำจะมิได้จัดขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว แต่ในยามที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤติจากน้ำท่วมครั้งใหญ่และเมืองหลวงของประเทศต้องเผชิญกับมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลหลากเข้าประชิด ได้มีการรื้อฟื้นพิธีดังกล่าวขึ้นอีก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในยามที่บ้านเมืองต้องปฏิบัติภารกิจคับขัน ทั้งนี้ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เข้าร่วมพิธีด้วย
ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร พร้อมด้วยผู้บริหารกรุงเทพมหานครและประชาชน ได้ประกอบพิธีไล่น้ำในวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14:39 น. ณ ศาลหลักเมือง |
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองข้างยกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาห้าม ประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปปางนี้มีว่า
พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงจำพรรษา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ครั้นออกพรรษาแล้ว ได้เสด็จจาริกจากอิสิปตนมฤคทายวันในวันปาฏิบท คือ วันแรม 1 ค่ำ เสด็จย้อนไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งเป็นตำบลที่ตรัสรู้ มุ่งจะเสด็จไปโปรดชฎิล (นักพรตจำพวกหนึ่งมีผมมุ่นเป็นชฎา) 1,000 คน ซึ่งตั้งสำนักอยู่ในตำบลนั้น
ชฎิลเหล่านั้น มีหัวหน้าอยู่ 3 คน ชื่อ อุรุเวลกัสสปะ คนหนึ่ง มีบริวาร 500 คน ตั้งสำนักอยู่ตำบลหนึ่ง น้องคนที่สองชื่อว่า นทีกัสสปะ มีบริวาร 300 คน ตั้งอาศรมพำนักอยู่ถัดไปอีกแห่งหนึ่ง น้องคนสุดท้องชื่อว่า คยากัสสปะ มีบริวาร 200 คน ตั้งสำนักอยู่แห่งหนึ่งในที่ถัดไป
พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปยังสำนักของอุรุเวลกัสสปะก่อน ได้ตรัสขออาศัยพัก ตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่กับอุรุเวลกัสสปะ พระองค์ได้ทรงใช้วิธีอิทธิปาฏิหาริย์ แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ และอาเทสนาปาฏิหาริย์ แสดงวิธีดักใจต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ให้เหล่าชฎิลเห็นว่า คุณธรรมต่าง ๆ ที่พวกชฎิลถือว่าพวกของตนมีอยู่และเป็นของวิเศษนั้น ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ และให้หายจากความสำคัญตนผิดว่าเป็นพระอรหันต์ จนในที่สุด อุรุเวลกัสสปะคลายจากความสำคัญผิดและทูลขออุปสมบท
ชฎิลลอยบริขารแล้วทูลขออุปสมบท |
พระพุทธเจ้าก็ตรัสให้ไปบอกบริวารเสียก่อน เมื่อเหล่าบริวารเห็นชอบกับอุรุเวลกัสสปะ ก็พร้อมกันลอยชฎิลบริขารทิ้งน้ำ แล้วก็ทูลขออุปสมบท พระพุทธเจ้าก็ทรงอนุญาต ต่อมานทีกัสสปะกับบริวาร ได้เห็นชฎิลบริขารของพี่ชายกับบริวารลอยน้ำมา ก็คิดว่าจะเกิดอันตรายแก่พี่และคณะ ก็พร้อมกันมา เห็นพี่และคณะอุปสมบทเป็นภิกษุ ก็พากันลอยบริขารชฎิลของตน ทูลขออุปสมบท พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต ฝ่ายคยากัสสปะและบริวารก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน จึงเป็นอันว่าชฎิลรวม 1,000 คน ซึ่งมีหัวหน้า 3 คน ก็ได้มาอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา
แล้วในที่สุด ก็มาถึงวาระที่พระบรมศาสดาจะทรงแสดงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คืออบรมสั่งสอนเพื่อให้ชฎิลเหล่านั้นได้บรรลุธรรมสืบต่อไป จึงได้ทรงนำไปยังตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยา แล้วก็ตรัสเทศนาที่พระคันถรจนาจารย์ได้ขนานนามว่า อาทิตตปริยายสูตร คือ พระสูตรที่แสดงบรรยายถึงความรุ่มร้อนของจิตใจด้วยอำนาจของกิเลส เปรียบได้กับความร้อนของไฟที่กำลังลุกโพลงอยู่ เพื่ออนุโลมตามอัธยาศัยของชฎิลที่นิยมบูชาไฟเป็นวัตร
การที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดชฎิลสามพี่น้องดังได้บรรยายไว้แล้ว ก็เพราะนักบวชสามพี่น้องนี้เป็นคณาจารย์ใหญ่ที่ผู้คนเคารพนับถือมากในสมัยนั้น การทำให้นักบวชที่มีผู้เคารพศรัทธามากหันมานับถือพระองค์ จะช่วยให้การประกาศพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เพิ่งเกิดใหม่เป็นไปง่ายขึ้นและได้ผลรวดเร็ว
หนึ่งในอิทธิปาฏิหาริย์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง เป็นปาฏิหาริย์เกี่ยวกับน้ำท่วม กล่าวคือ วันหนึ่งมหาเมฆตั้งเค้าขึ้นทั้งที่มิใช่ฤดูกาล บันดาลให้ฝนตกลงมาเป็นอันมาก กระแสน้ำเป็นห้วงใหญ่ไหลท่วมไปในที่ทั้งปวงโดยรอบบริเวณนั้น ธรรมดา พระผู้มีพระภาคเสด็จสถิตอยู่ ณ ที่แห่งใด แม้ที่นั้นน้ำท่วม ก็ทรงอธิษฐานมิให้น้ำท่วมเข้าไปในที่นั้นได้ และในครั้งนั้นก็ทรงดำริว่า ตถาคตจะยังน้ำนั้นให้เป็นขอบสูงขึ้นไปในทิศโดยรอบ ที่หว่างกลางนั้นจะมีพื้นราบเป็นปรกติ ตถาคตจะเดินจงกรมอยู่ในที่นั้น แล้วก็ทรงอธิษฐานบันดาลให้เป็นดังพุทธดำรินั้น
ฝ่ายอุรุเวลกัสสปะคิดว่า พระมหาสมณะนี้จะถูกน้ำท่วมหรือไม่ประการใด หรือจะหลีกลี้ไปสู่สถานที่แห่งอื่น จึงชักชวนเหล่าชฎิลบริวารพากันลงเรือไปดู เมื่อถึงสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงสถิตอยู่ ก็เห็นน้ำสูงขึ้นเป็นกำแพงล้อมอยู่โดยรอบ แลเห็นพระบรมศาสดาเสด็จจงกรมอยู่บนพื้นที่ปราศจากน้ำ จึงส่งเสียงร้องเรียก พระพุทธองค์ทรงขานรับ แล้วเสด็จเหาะขึ้นไปในอากาศ เลื่อนลอยลงสู่เรือของชฎิล
แล้วในที่สุด ก็มาถึงวาระที่พระบรมศาสดาจะทรงแสดงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คืออบรมสั่งสอนเพื่อให้ชฎิลเหล่านั้นได้บรรลุธรรมสืบต่อไป จึงได้ทรงนำไปยังตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยา แล้วก็ตรัสเทศนาที่พระคันถรจนาจารย์ได้ขนานนามว่า อาทิตตปริยายสูตร คือ พระสูตรที่แสดงบรรยายถึงความรุ่มร้อนของจิตใจด้วยอำนาจของกิเลส เปรียบได้กับความร้อนของไฟที่กำลังลุกโพลงอยู่ เพื่ออนุโลมตามอัธยาศัยของชฎิลที่นิยมบูชาไฟเป็นวัตร
การที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดชฎิลสามพี่น้องดังได้บรรยายไว้แล้ว ก็เพราะนักบวชสามพี่น้องนี้เป็นคณาจารย์ใหญ่ที่ผู้คนเคารพนับถือมากในสมัยนั้น การทำให้นักบวชที่มีผู้เคารพศรัทธามากหันมานับถือพระองค์ จะช่วยให้การประกาศพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เพิ่งเกิดใหม่เป็นไปง่ายขึ้นและได้ผลรวดเร็ว
หนึ่งในอิทธิปาฏิหาริย์ที่พระพุทธองค์ทรงแสดง เป็นปาฏิหาริย์เกี่ยวกับน้ำท่วม กล่าวคือ วันหนึ่งมหาเมฆตั้งเค้าขึ้นทั้งที่มิใช่ฤดูกาล บันดาลให้ฝนตกลงมาเป็นอันมาก กระแสน้ำเป็นห้วงใหญ่ไหลท่วมไปในที่ทั้งปวงโดยรอบบริเวณนั้น ธรรมดา พระผู้มีพระภาคเสด็จสถิตอยู่ ณ ที่แห่งใด แม้ที่นั้นน้ำท่วม ก็ทรงอธิษฐานมิให้น้ำท่วมเข้าไปในที่นั้นได้ และในครั้งนั้นก็ทรงดำริว่า ตถาคตจะยังน้ำนั้นให้เป็นขอบสูงขึ้นไปในทิศโดยรอบ ที่หว่างกลางนั้นจะมีพื้นราบเป็นปรกติ ตถาคตจะเดินจงกรมอยู่ในที่นั้น แล้วก็ทรงอธิษฐานบันดาลให้เป็นดังพุทธดำรินั้น
ฝ่ายอุรุเวลกัสสปะคิดว่า พระมหาสมณะนี้จะถูกน้ำท่วมหรือไม่ประการใด หรือจะหลีกลี้ไปสู่สถานที่แห่งอื่น จึงชักชวนเหล่าชฎิลบริวารพากันลงเรือไปดู เมื่อถึงสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงสถิตอยู่ ก็เห็นน้ำสูงขึ้นเป็นกำแพงล้อมอยู่โดยรอบ แลเห็นพระบรมศาสดาเสด็จจงกรมอยู่บนพื้นที่ปราศจากน้ำ จึงส่งเสียงร้องเรียก พระพุทธองค์ทรงขานรับ แล้วเสด็จเหาะขึ้นไปในอากาศ เลื่อนลอยลงสู่เรือของชฎิล
พระพุทธอิริยาบทที่ทรงห้ามน้ำนี้ เป็นที่มาของพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ชาวไทยได้นำความเชื่อด้านโหราศาสตร์มาผนวกกับพุทธศาสนาด้วย จึงมีการกำหนดปางพระพุทธรูปตามเทวดานพเคราะห์ เพื่อบูชาเนื่องด้วยพิธีทักษาหรือเพื่อสวัสดิมงคล โดยกำหนดให้พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรนี้ เป็นพระพุทธรูปประจำวันจันทร์
พระห้ามสมุทรหยุดสึนามิ หรือ หลวงพ่อกันภัยสึนามิ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ประดิษฐาน ณ สำนักสงฆ์แหลมป้อม บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา |
การบูชาพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร นอกจากจะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจในยามที่ต้องเผชิญกับอุทกภัยแล้ว ยังเป็นความเชื่อสืบต่อกันมาแต่โบราณกาลว่า พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร มีพุทธานุภาพห้ามน้ำได้
พระพุทธไสยาสน์ วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง พระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง |
ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ตลิ่งหน้าพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ วัดป่าโมก (วัดตลาด) จังหวัดอ่างทอง ถูกน้ำกัดเซาะพังเข้าไปมาก พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสังให้พระยาราชสงครามเป็นแม่งาน รวบรวมชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธา ช่วยกันชะลอเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปให้พ้นน้ำ อันเป็นงานที่ยากมาก เพราะองค์พระพุทธรูปซึ่งเป็นปูนปั้นอาจจะเสียหายได้
ในภารกิจสำคัญครั้งนั้น มีการบูชาขอพรจากพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรด้วย ดังปรากฏในโคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก ซึ่งเป็นโคลงพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมพระราชวังบวร ความว่า
ในภารกิจสำคัญครั้งนั้น มีการบูชาขอพรจากพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรด้วย ดังปรากฏในโคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมก ซึ่งเป็นโคลงพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมพระราชวังบวร ความว่า
ขอพรพระพุทธห้าม สมุทไทยห้ามชลาไลยไหล ขาดค้าง
การเคลื่อนย้ายพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้นขนาดใหญ่ ความยาวจากพระเมาลีถึงพระบาท 24 เมตร ให้เคลื่อนห่างจากฝั่งแม่น้ำ กระทำสำเร็จโดยไม่เสียหายเป็นที่อัศจรรย์
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ :D
ตอบลบขอบคุณค่ะ
ตอบลบ