วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อัศจรรย์พระพุทธรูปเนื้อนิ่ม.. หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน


หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน
หรือวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานในความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหาร  เป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลีและพุทธศาสนิกชนทั่วไป 

ตามตำนานกล่าวว่า มีพระพุทธรูป 3 องค์ เป็นพี่น้องกัน ได้แสดงอภินิหารลอยตามน้ำผ่านย่านชุมชนหลายแห่ง บางแห่งคนในท้องถิ่นจำนวนมากช่วยกันอัญเชิญขึ้นฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนฝั่งได้  ภายหลัง พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ได้แยกย้ายกันไปประดิษฐานในที่ต่าง ๆ  องค์หนึ่งได้รับการอาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม  อีกองค์หนึ่งถูกอาราธนาขึ้นประดิษฐานที่วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา  สำหรับองค์หลวงพ่อโตนี้ ได้ลอยเข้ามาในคลองสำโรง ชาวบ้านได้อาราธนาท่านขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ไม่สำเร็จ จึงช่วยกันต่อแพชะลอไว้ แล้วอธิษฐานว่า "หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใด ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด"  เมื่อแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านหยุดนิ่ง ชาวบ้านจึงอาราธนาขึ้น

การลำดับอาวุโสของพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นั้น สันนิษฐานว่าคงจะนับองค์ที่อาราธนาขึ้นจากน้ำได้ก่อนเป็นองค์พี่ และไล่กันมาตามลำดับ กล่าวคือ

-  หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม  เป็นองค์พี่
-  หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นองค์กลาง
-  หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นองค์น้อง

อีกตำนานหนึ่ง มีความเป็นไปในทำนองเดียวกัน แต่เพิ่มจำนวนพระพุทธรูปที่เป็นพี่น้องกัน จาก 3 องค์เป็น 5 องค์ คือมีพี่น้องชาวเหนือ 5 คน บวชเป็นพระภิกษุจนสำเร็จโสดาบัน มีฤทธิ์และอำนาจจิตสูง ต่อมาพระภิกษุพี่น้องทั้ง 5 รูป พร้อมใจกันตั้งสัจอธิษฐานว่า เกิดมาชาตินี้จะขอบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ แม้ตายไปแล้วจะขอสร้างบารมีต่อไปจนกว่าจะถึงซึ่งพระนิพพาน ครั้นพระอริยเจ้าทั้ง 5 รูปดับขันธ์ไปแล้ว ก็ได้สถิตอยู่ในพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ และมีความปรารถนาที่จะช่วยดับทุกข์ให้กับคนทางใต้ จึงพร้อมใจกันแสดงฤทธิ์ ให้พระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ลอยน้ำมาตามแม่น้ำ 5 สาย ในเวลาต่อมา เมื่อราษฎรตามริมฝั่งแม่น้ำพบเห็นพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ลอยน้ำมาก็พากันเลื่อมใส แล้วอัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 5 องค์ขึ้นประดิษฐานยังวัดต่าง ๆ ดังนี้

หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

-  องค์ที่ 1 ลอยไปตามแม่น้ำบางปะกง อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา    เรียกว่า หลวงพ่อโสธร

หลวงพ่อวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม

-  องค์ที่ 2 ลอยไปตามแม่น้ำนครชัยศรี อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เรียกว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิง

หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ

-  องค์ที่ 3 ลอยไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เรียกว่า หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน

หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี

-  องค์ที่ 4 ลอยไปตามแม่น้ำเพชรบุรี อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี เรียกว่า หลวงพ่อวัดเขาตะเครา 

หลวงพ่อบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม

-  องค์ที่ 5 ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลอง อัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม เรียกว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม

กล่าวถึงหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน เล่ากันว่า เมื่อคราวสร้างพระอุโบสถเสร็จใหม่ ๆ ได้วัดช่องประตูพระอุโบสถกับองค์หลวงพ่อโต ปรากฏว่า ช่องประตูใหญ่กว่าองค์พระประมาณ 5 นิ้ว ซึ่งสามารถนำองค์หลวงพ่อโตผ่านเข้าไปได้  แต่พอถึงคราวอาราธนาจริง ๆ กลับปรากฏว่าองค์หลวงพ่อใหญ่กว่าประตูมาก  คณะกรรมการและประชาชนจำนวนหนึ่งเห็นว่าควรทุบช่องประตูทิ้ง แต่อีกจำนวนหนึ่งเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโต จึงได้พร้อมใจกันอธิษฐานขอให้หลวงพ่อโตสามารถผ่านเข้าประตูได้เพื่อเป็นมิ่งขวัญคุ้มครองชาวบางพลีสืบไป  เมื่ออธิษฐานเสร็จก็อาราธนาหลวงพ่อโตผ่านเข้าประตูได้โดยสะดวก


น้ำมนต์หลวงพ่อเลื่องลือในด้านการรักษาผู้เจ็บป่วยให้ทุเลาลงจนหายเป็นปกติได้ เรื่องนี้ ท่านผู้หญิงบุญหลง พหลพลพยุหเสนา ภริยาของท่านพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เล่าให้กับผู้ใกล้ชิดฟังว่า ท่านเคยป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งที่บริเวณลำคอ ตรงใต้ลิ้น ซึ่งทรมานมาก รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับเป็นเวลาแรมปี ร่างกายก็ซูบผอมลงจนเป็นที่น่าวิตก  แพทย์ที่รักษาได้แนะนำให้ท่านผ่าตัดหรือฉายรังสี ซึ่งอาจจะทุเลาหรือหายจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ท่านผู้หญิงเป็นผู้นิยมการรักษาแบบโบราณมากกว่า อีกทั้งเคยได้ยินว่าการรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดหรือฉายรังสีนั้น อาจทำให้เชื้อมะเร็งลุกลามไปใหญ่โต ท่านจึงไม่ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำของนายแพทย์ผู้นั้น  ท่านได้พยายามขวนขวายหายาไทยมารักษา ทั้งยาต้ม ยาเม็ดแผนปัจจุบัน แต่ก็ไม่ช่วยให้มะเร็งที่ลำคอบรรเทาลง ตรงกันข้าม กลับโตขึ้นและมีน้ำหนองไหลซึมออกมาตลอดเวลา ต้องคอยบ้วนน้ำลายทิ้งอยู่เสมอ จะกลืนอาหารแต่ละครั้งก็ลำบาก ต้องเลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ ในใจท่านเวลานั้นคิดว่าตนต้องตายแน่ ขนาดฝันเห็นท่านเจ้าคุณพหลฯ ผู้สามีที่ล่วงลับไปแล้วชวนไปอยู่ด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่า พระพุทธรูปที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน" ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ท่านผู้หญิงจึงเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อดังกล่าวและขอน้ำมนต์ของท่านมาใช้ทาแผลใต้ลิ้นและบริเวณลำคอด้านนอก ทั้งจิบดื่มไปด้วย  ปรากฏว่าแผลที่บวมเป็นก้อนใต้ลิ้นได้แตกทะลักออกมานอกลำคอ เป็นก้อนแข็งสีเขียวคล้ำคล้ายหัวฝี มีลักษณะเป็นหนองข้นเหนียวเหนอะคล้ายกาว และจากนั้นไม่กี่วัน แผลก็แห้งสนิท ไม่มีรอยแผลเป็นแม้แต่น้อย ท่านผู้หญิงก็หายวันหายคืนจากนั้นมา

เหรียญหลวงพ่อโตที่ชาวบ้านนำมาคล้องคอบุตรหลานก็เป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เล่ากันว่าเมื่อเด็ก ๆ พลัดตกน้ำกลับลอยได้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด


ทุกวันนี้ชาวบางพลีต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และบารมีของหลวงพ่อโตที่คุ้มครองชุมชนบางพลีให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย ในขณะที่ชุมชนโดยรอบ อาทิ ตลาดบางบ่อ ตลาดจระเข้ ตลาดคลองด่าน ล้วนแต่ประสบกับอัคคีภัยมาแล้วทั้งนั้น


หลวงพ่อโตได้แสดงปาฏิหาริย์เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 กล่าวคือ องค์พระซึ่งเป็นทองสำริดกลับนิ่มดั่งเช่นเนื้อคน หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับพากันลงข่าวที่น่าอัศจรรย์ใจนี้และมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศพากันมาชมบารมี  ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 ได้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ 


อ้างอิง  พระพุทธรูปสำคัญ โดย กรมศิลปากร  

1 ความคิดเห็น: